ภาคปฏิบัติตีความพระคัมภีร์

วันนี้เรายังคงอยู่กับหัวข้อการตีความพระคัมภีร์ หลักการตีความโดยตรงตัว (Literal Interpretation) เป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจข้อพระคัมภีร์ได้โดยปราศจากอคติหรือแนวคิดบางอย่างที่เรามี ซึ่งส่งผลให้การตีความพระคัมภีร์คลาดเคลื่อนไป แอดมินได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ที่โพส “การตีความพระคัมภีร์” ครับ

วันนี้เราจะมาดูกันว่าในทางปฏิบัตินั้น ต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะสามารถตีความพระคัมภีร์ได้อย่างถูกต้องครับ

เราต้องรู้จักกับผู้ที่เขียนพระคัมภีร์

จากโพส “รู้จักกับพระคัมภีร์ (The Holy Bible)” เราได้ทราบว่าพระเจ้าเป็นผู้แต่งพระคัมภีร์ ใครยังไม่ได้อ่านโพสนี้ ก็สามารถตามกลับไปอ่านได้ครับ พระคัมภีร์ยังบอกชัดเจนว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอดไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจพระคัมภีร์ได้  พวกเขาสามารถเลือกศึกษาหลักศาสนศาสตร์ บางครั้งก็เลือกที่จะไม่เชื่อ และปฏิเสธหลักคำสอนบางอย่างในข้อพระคัมภีร์ไปก็มีครับ

(1 Corinthians 2:14)  But the natural man receiveth not the things of the Spirit of God: for they are foolishness unto him: neither can he know them, because they are spiritually discerned.
(1 โครินธ์  2:14) แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณของพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ

มนุษย์ธรรมดา ในพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 2:14 หมายถึง ผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอด หากคนไหนยังไม่เคยอ่านโพส “จะรอดไหมเนี่ย” สามารถแวะกลับไปอ่านก่อนได้ครับ พระเจ้าบอกผ่านพระคำข้อนี้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาเหล่านี้ไม่มีวันที่จะเข้าใจข้อพระคัมภีร์ แม้แต่ยอมรับสิ่งต่างๆที่เป็นของพระวิญญาณของพระเจ้าได้ครับ พวกเขามองหลักคำสอนตามพระคัมภีร์เป็นเรื่องที่ล้าสมัย ประยุกต์ใช้กับปัจจุบันไม่ได้แล้ว มองว่าหลักคำสอนบางเรื่องในข้อพระคัมภีร์ดูน่าโง่เขลา

แล้วใครกันที่สามารถทำความเข้าใจพระคัมภีร์ได้ แอดมิน?

พระคัมภีร์ได้ให้คำตอบกับคำถามข้อนี้แล้ว แอดมินชวนทุกคนให้อ่านข้อพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 2:11-13 และ 15 กันครับ

(1 Corinthians 2:11)  For what man knoweth the things of a man, save the spirit of man which is in him? even so the things of God knoweth no man, but the Spirit of God.
(1 Corinthians 2:12)  Now we have received, not the spirit of the world, but the spirit which is of God; that we might know the things that are freely given to us of God.
(1 Corinthians 2:13)  Which things also we speak, not in the words which man’s wisdom teacheth, but which the Holy Ghost teacheth; comparing spiritual things with spiritual.
(1 Corinthians 2:15)  But he that is spiritual judgeth all things, yet he himself is judged of no man.

(1 โครินธ์ 2:11) อันความคิดของมนุษย์นั้นไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น
(1 โครินธ์ 2:12) บัดนี้เราทั้งหลายจึงไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา
(1 โครินธ์ 2:13) คือสิ่งเหล่านั้นที่เราได้กล่าวด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงสั่งสอน ซึ่งเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณกับสิ่งซึ่งเป็นของจิตวิญญาณ
(1 โครินธ์ 2:15) แต่มนุษย์ฝ่ายจิตวิญญาณสังเกตสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่มีผู้ใดจะรู้จักใจคนนั้นได้

ผู้ที่ได้รับความรอดแล้วสามารถทำความเข้าใจข้อพระคัมภีร์ได้ เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าอีกพระภาคหนึ่ง) ได้มาสถิตอยู่กับผู้นั้นทันทีนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ได้รับความรอด พระเจ้าประทานพระวิญญาณของพระองค์เองแก่เราเพื่อที่ว่าเราจะได้เข้าใจสิ่งต่างๆซึ่งมาจากพระองค์ได้ รวมไปถึงข้อพระคัมภีร์ที่พระเจ้าเองได้แต่งขึ้นครับ

เราเองไม่ต้องแปลกใจครับ ที่ทำไมบางครั้งการอธิบายเรื่องราวในพระคัมภีร์กับผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอดอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แม้แต่ข่าวประเสริฐแห่งองค์พระเยซูคริสต์ คริสเตียนเองจำเป็นต้องอธิษฐาน พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ช่วยเปิดเผยความจริงให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอด เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเข้าใจได้ครับ

เราต้องพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระคัมภีร์บอกกับเราว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้คอยสอนให้กับคริสเตียนครับ ตามข้อพระคัมภีร์ ยอห์น 14:26

(John 14:26)  But the Comforter, which is the Holy Ghost, whom the Father will send in my name, he shall teach you all things, and bring all things to your remembrance, whatsoever I have said unto you.
(ยอห์น 14:26) แต่พระองค์ผู้ปลอบประโลมใจนั้นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรา พระองค์นั้นจะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

หน้าที่หลักหน้าที่หนึ่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการสอนและช่วยให้คริสเตียนนึกถึงสิ่งที่พระเยซูได้สอนไว้แล้ว เรามีพระคัมภีร์ (The Holy Bible) ที่เสร็จสมบูรณ์ ตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลกในทุกวันนี้ได้ก็เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยนำทางให้กับผู้บันทึกข้อพระคัมภีร์ครับ ทุกคนสามารถย้อนกลับไปอ่านโพส พระคัมภีร์ที่รักษาไว้” กันได้ครับ

ปัจจุบันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงสอนเราเมื่อเราอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ที่พระองค์ทรงดลใจขึ้น อีกทั้งทำให้เรานึกถึงข้อพระคัมภีร์ที่เราได้เรียนรู้แล้วในยามที่เราจำเป็นต้องใช้เพื่อเป็นพยานหรือการเทศนาอีกด้วยครับ

(1 John 2:27)  But the anointing which ye have received of him abideth in you, and ye need not that any man teach you: but as the same anointing teacheth you of all things, and is truth, and is no lie, and even as it hath taught you, ye shall abide in him.

(1 ยอห์น 2:27) แต่การเจิมซึ่งท่านทั้งหลายได้รับจากพระองค์นั้นดำรงอยู่กับท่าน และท่านไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอนท่านทั้งหลาย เพราะว่าการเจิมนั้นสอนท่านให้รู้ทุกสิ่ง และเป็นความจริง ไม่ใช่ความเท็จ การเจิมนั้นได้สอนท่านทั้งหลายมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงตั้งมั่นคงอยู่ในพระองค์อย่างนั้น

พระเจ้ายังสัญญาว่าจะสอนความจริงให้กับบรรดาคริสเตียนผ่านการเผยให้รู้แจ้งทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยใช้ข้อพระคัมภีร์ พระเจ้ายังสัญญาว่าจะมอบความเข้าใจความจริงในข้อพระคัมภีร์แก่พวกเราทุกคนที่ได้รับความรอดแล้วครับ

นอกจากนี้พระเจ้ายังสอนสิ่งที่เป็นความจริงแก่พวกเราทุกคนผ่านทางข้อพระคัมภีร์ ดังนั้นคริสเตียนไม่จำเป็นต้องไปเสาะหา ครูอาจารย์ที่อ้างว่าพบการสำแดงใหม่หรือความจริงใหม่ พระคำข้อนี้จึงเป็นคำเตือนให้ระวังคนเหล่านั้นครับ

เราต้องขยันศึกษาพระคัมภีร์

แม้พระเจ้าสัญญาว่าได้มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นผู้คอยสอนคริสเตียน  พระเจ้าเองก็คาดหวังให้เราทุกคนที่ได้รับความรอดแล้วต้องมั่นศึกษาพระคัมภีร์เช่นเดียวกันครับ ตามข้อพระคัมภีร์ 2 ทิโมธี  2:15 พระคำข้อนี้เป็นกำลังใจให้กับแอดมินเสมอในการอ่าน และศึกษาพระคัมภีร์ครับ พระเจ้าคาดหวังให้คริสเตียนศึกษาพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเข้าใจ ละเอียดรอบคอบ สามารถแยกแยะ และประยุกต์ปรับใช้พระคำของพระองค์ได้อย่างถูกต้องอีกด้วยครับ

(2 Timothy 2:15)  Study to shew thyself approved unto God, a workman that needeth not to be ashamed, rightly dividing the word of truth.

(2 ทิโมธี 2:15) จงหมั่นศึกษาค้นคว้าเพื่อสำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เป็นคนงานที่ไม่ต้องละอาย แยกแยะพระวจนะแห่งความจริงนั้นได้อย่างถูกต้อง

การศึกษาพระคัมภีร์มีข้อดีมากมายครับ เพราะมีประโยชน์ในการสอน ซึ่งหมายถึง สิ่งที่คริสเตียนเราต้องทำตาม มีประโยชน์ในการตักเตือนว่ากล่าว ทำให้คริสเตียนได้เห็นได้รู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  มีประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไข ทำให้คริสเตียนรู้ว่าต้องรู้จักปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด ประการสุดท้ายพระคัมภีร์มีประโยชน์ในการอบรม ช่วยให้คริสเตียนได้อยู่ในหนทางที่ถูกต้องต่อไปครับ

(2 Timothy 3:16)  All scripture is given by inspiration of God, and is profitable for doctrine, for reproof, for correction, for instruction in righteousness:

(2 ทิโมธี 3:16) พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรม

เราต้องอธิษฐานขอพระเจ้านำทาง

(James 1:5)  If any of you lack wisdom, let him ask of God, that giveth to all men liberally, and upbraideth not; and it shall be given him.
(James 1:6)  But let him ask in faith, nothing wavering. For he that wavereth is like a wave of the sea driven with the wind and tossed.

(ยากอบ 1:5) ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงอย่างเหลือล้นและมิได้ทรงตำหนิ และจะทรงประทานให้แก่ผู้นั้น
(ยากอบ 1:6) แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าหวั่นไหวเลย เพราะว่าผู้ที่หวั่นไหวก็เป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา

พระคัมภีร์แต่งขึ้นโดยพระเจ้า ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำความเข้าใจได้หากปราศจากการนำทาง และเปิดเผยสำแดงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่คริสเตียนต้องทำทุกครั้งในการอ่าน ศึกษาพระคัมภีร์คือการอธิษฐานครับ พระเจ้าเต็มใจที่จะให้ผู้คนของพระองค์ (ผู้ที่ได้รับความรอดแล้ว) โดยเฉพาะในเรื่องของสติปัญญา

แอดมินขอให้ทุกคนอ่านพระสัญญาของพระเจ้าข้อนี้ให้ดีครับ เมื่อเราเข้าหาพระเจ้าเพื่อขอสติปัญญาจากพระองค์ พระเจ้าจะให้ อย่างเหลือล้น พูดง่ายๆก็คือ พระเจ้าให้แบบไม่หวงไว้  นี่เป็นพระสัญญาอันประเสริฐในเรื่องสติปัญญาเมื่อใดก็ตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการสติปัญญาในการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์

ดังนั้นเมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้า แอดมินก็ขอให้ทุกคนมั่นใจ และไม่ต้องลังเลสงสัยในเรื่องนี้เลย พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยนำทางและคอยสอนคริสเตียนทุกคนไปสู่ความจริงบนพระคำของพระเจ้าครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
แอดมิน

อ้างอิง:
ทำความเข้าใจพระคัมภีร์, ดร. เดวิด เอช. โซเร็นสัน

Share

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *