ทำสิ่งที่เริ่มไว้ให้เสร็จ

สวัสดีครับทุกคน โพสนี้เรายังคงพูดคุยกันต่อกับประเด็น “คุณลักษณะคริสเตียน” เรามาดูกันว่าพระคัมภีร์ให้ข้อคิด และการหนุนใจในเรื่องของการทำสิ่งที่เริ่มไว้ให้เสร็จว่าอย่างไรกันบ้างครับ เราสามารถนำหัวข้อนี้ไปประยุกต์ใช้ได้กับงานรับใช้ งานพันธกิจของคริสตจักร หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันทั้งเรื่องหน้าที่การงาน และความรับผิดชอบอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เหมือนในทุกครั้งแอดมินชวนทุกคนให้มาดูข้อพระคัมภีร์และศึกษาไปพร้อมกันครับ

(Luke 14:25) And there went great multitudes with him: and he turned, and said unto them,
(Luke 14:26) If any man come to me, and hate not his father, and mother, and wife, and children, and brethren, and sisters, yea, and his own life also, he cannot be my disciple.
(Luke 14:27) And whosoever doth not bear his cross, and come after me, cannot be my disciple.
(Luke 14:28) For which of you, intending to build a tower, sitteth not down first, and counteth the cost, whether he have sufficient to finish it?
(Luke 14:29) Lest haply, after he hath laid the foundation, and is not able to finish it, all that behold it begin to mock him,
(Luke 14:30) Saying, This man began to build, and was not able to finish.

(ลูกา 14:25)  คนเป็นอันมากได้ไปกับพระองค์ พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับเขาว่า
(ลูกา 14:26)  “ถ้าผู้ใดมาหาเรา และไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
(ลูกา 14:27)  ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
(ลูกา 14:28)  ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่
(ลูกา 14:29)  เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว และกระทำให้สำเร็จไม่ได้ คนทั้งปวงที่เห็นจะเริ่มเยาะเย้ยเขา
(ลูกา 14:30)  ว่า `คนนี้ตั้งต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’

พระคำข้างต้นนี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงราคาที่ต้องแลกมากับการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง เมื่อครั้งที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติสมาได้ประกาศพระวจนะของพระเจ้าในเรื่องราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ (Kingdom of Heaven) มีหลายคนที่รับฟัง เห็นด้วยกับความจริงดังกล่าว ผู้คนหลายคนตัดสินใจรับบัพติสมาในวันนั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อพระเยซูคริสต์ได้แสดงการอัศจรรย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ การฟื้นคืนชีวิตให้กับคนที่ตายไปแล้ว หรือแม้แต่การขับไล่ผี ผู้คนจำนวนมากก็มาติดตามพระองค์ แต่แล้วภายหลังพวกเขาก็เลิกติดตามพระองค์ต่อไป ซึ่งเราสามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมนี้ได้ในพระคัมภีร์ ยอห์นบทที่ 6 ครับ สิ่งที่คริสเตียนต้องถามและตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอก็คือ

เราจะเลิกติดตามพระเยซูหรือไม่ เมื่อสถานการณ์ในชีวิตเจอกับความลำบากในเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องการเงิน การงาน สุขภาพ หรือครอบครัว?  เราจะตั้งใจและแน่วแน่ที่จะติดตามพระองค์ไปตลอดทางไหม?

คริสเตียนหลายคน แม้พวกเขาได้รับความรอดนิรันดร์แล้ว บางคนก็เลิกติดตามพระเยซูคริสต์ พวกเขาเลิกไปโบสถ์ เลิกอ่านพระคัมภีร์ เลิกสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆ พวกเขาตีตัวออกห่างจากคริสตจักร และตัดสินใจกลับเข้าหาทางโลก เราต้องเข้าใจว่าการตัดสินใจเป็นสาวกของพระเยซูมีหลายสิ่งที่เราต้องสละทิ้งไป เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์มากขึ้น เราจะพบว่าแท้จริงแล้วพระเจ้ามีสิ่งที่คาดหวังต่อผู้เชื่อที่ได้รับความรอดด้วยเช่นกันครับ คริสเตียนหลายคนอาจเคยพบเจอกับเหตุการณ์นี้ บางคนท้อใจ เหนื่อยล้า และก็ถอดใจ ไปในที่สุด เรามาดูกันว่าพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทำอย่างไรเมื่อครั้งที่ต้องเผชิญกับความตายบนไม้กางเขน

(John 4:34) Jesus saith unto them, My meat is to do the will of him that sent me, and to finish his work.

(ยอห์น 4:34) พระเยซูตรัสกับเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ

(John 5:36) But I have greater witness than that of John: for the works which the Father hath given me to finish, the same works that I do, bear witness of me, that the Father hath sent me.

(ยอห์น 5:36) แต่คำพยานที่เรามีนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพยานของยอห์น เพราะว่างานที่พระบิดาทรงมอบให้เราทำให้สำเร็จ งานนี้แหละเรากำลังทำอยู่เป็นพยานถึงเราว่าพระบิดาทรงใช้เรามา

(John 19:30) When Jesus therefore had received the vinegar, he said, It is finished: and he bowed his head, and gave up the ghost.

(ยอห์น 19:30) เมื่อพระเยซูจึงทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป

พระเยซูคริสต์ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงปรากฏสภาพในเนื้อหนัง มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาให้เสร็จสมบูรณ์ในการเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเดียวที่สามารถลบล้างบาปทั้งสิ้นของมนุษย์ได้ โดยสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน นี่คือจุดมุ่งหมายสำคัญที่พระองค์เสด็จมาครั้งแรกในโลกใบนี้ครับ

พระองค์ไม่เพียงแค่เริ่มต้น แต่พระองค์ทำหน้าที่นี้ลงอย่างเสร็จสมบูรณ์ เมื่อครั้งที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และฟื้นคืนพระชนม์กลับมาอีกครั้งในวันที่สาม

แอดมินชวนขอให้ทุกคนมาดูถึงอีกบุคคลหนึ่งในพระคัมภีร์ที่น่าจะเป็นที่รู้จักกันดี บุคคลท่านนี้คืออัครทูตเปาโล  เรามาดูคำพยานของท่านต่องานรับใช้ และงานพันธกิจขับเคลื่อนข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะเป็นข้อคิดและข้อหนุนใจกับพวกเราทุกคนครับ

(Act 20:17) And from Miletus he sent to Ephesus, and called the elders of the church.
(Act 20:18) And when they were come to him, he said unto them, Ye know, from the first day that I came into Asia, after what manner I have been with you at all seasons,
(Act 20:19) Serving the Lord with all humility of mind, and with many tears, and temptations, which befell me by the lying in wait of the Jews:
(Act 20:20) And how I kept back nothing that was profitable unto you, but have shewed you, and have taught you publickly, and from house to house,
(Act 20:21) Testifying both to the Jews, and also to the Greeks, repentance toward God, and faith toward our Lord Jesus Christ.
(Act 20:22) And now, behold, I go bound in the spirit unto Jerusalem, not knowing the things that shall befall me there:
(Act 20:23) Save that the Holy Ghost witnesseth in every city, saying that bonds and afflictions abide me.
(Act 20:24) But none of these things move me, neither count I my life dear unto myself, so that I might finish my course with joy, and the ministry, which I have received of the Lord Jesus, to testify the gospel of the grace of God.

(กิจการ 20:17)  เปาโลจึงใช้คนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส ให้เชิญพวกผู้ปกครองในคริสตจักรนั้นมา
(กิจการ 20:18)  ครั้นเขาทั้งหลายมาถึงเปาโลแล้ว เปาโลจึงกล่าวแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่เองว่า ข้าพเจ้าได้ประพฤติต่อท่านอย่างไรทุกเวลา ตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นเอเชีย
(กิจการ 20:19)  ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหลเป็นอันมาก และด้วยการถูกทดลอง ซึ่งมาถึงข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า
(กิจการ 20:20)  และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้ปิดซ่อนไว้ แต่ได้ชี้แจงให้ท่านเห็นกับได้สั่งสอนท่านต่อหน้าคนทั้งปวงและตามบ้านเรือน
(กิจการ 20:21)  ทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า และความเชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
(กิจการ 20:22)  ดูเถิด บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง
(กิจการ 20:23)  เว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานในทุกบ้านทุกเมืองว่า เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่
(กิจการ 20:24)  แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ามิได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐแก่ข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จด้วยความปิติยินดี และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้านั้น

นี่เป็นเหตุการณ์ก่อนที่อัครทูตเปาโลจะเดินทางและมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ท่านเองรู้ว่างานรับใช้ต่อองค์พระเยซูคริสต์จะยากและลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเราเลือกที่จะเชื่อฟังและติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิดมากแค่ไหน เราก็ควรพร้อมใจที่จะยอมรับในเรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ต้องเรียนรู้ที่จะเลือก และเดินตามพระองค์ต่อไปไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ครับ

เรามาดูกันต่อว่าพระคัมภีร์หนุนใจเราเรื่องการรับใช้ และการใช้ชีวิตคริสเตียนเพื่อติดตามพระเยซูคริสต์ไว้ว่าอย่างไรกันบ้างครับ

(Philippians 3:13) Brethren, I count not myself to have apprehended: but this one thing I do, forgetting those things which are behind, and reaching forth unto those things which are before,
(Philippians 3:14) I press toward the mark for the prize of the high calling of God in Christ Jesus.

(ฟิลิปปี 3:13) พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
(ฟิลิปปี 3:14) ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับในพระเยซูคริสต์

เราควรเรียนรู้ที่จะลืมสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ทั้งเรื่องความผิดพลาด สิ่งไม่ดีที่เคยกระทำไป แม้ไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปได้ถาวร แต่เราก็ไม่ควรไปจมปลักกับสิ่งเหล่านั้น เพราะมันไม่เกิดผลดีอะไรกับเราเลย คริสเตียนต้องเรียนรู้ที่จะเดินหน้าต่อไปในการรับใช้พระเยซูคริสต์ครับ

จงทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อพระองค์

(Hebrews 11:14) For they that say such things declare plainly that they seek a country.
(Hebrews 11:15) And truly, if they had been mindful of that country from whence they came out, they might have had opportunity to have returned.
(Hebrews 11:16) But now they desire a better country, that is, an heavenly: wherefore God is not ashamed to be called their God: for he hath prepared for them a city.

(ฮีบรู 11:14)  เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของเขา
(ฮีบรู 11:15)  และแท้จริงถ้าเขาคิดถึงบ้านเมืองที่เขาจากมานั้น เขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้
(ฮีบรู 11:16)  แต่บัดนี้เขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงมิได้ทรงละอายเมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว

คนเราสามารถคิดย้อนไปถึงอดีตทั้งที่ดีและไม่ดีของตนได้ หากเราเลือกที่จะคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้เกี่ยวกับเรื่องความเป็นนิรันดร์ สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราเดินหน้าต่อไปกับการใช้ชีวิตคริสเตียน และการรับใช้พระเจ้าต่อไปในอนาคต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะตามมาด้วยความยากลำบาก การท้อใจ เหนื่อยใจ หรืออุปสรรคต่างๆก็ตาม

คราวนี้แอดมินชวนทุกคนให้มาดูว่าอัครทูตเปาโล ภายใต้การดลใจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้หนุนใจคริสเตียนในเรื่องการใช้ชีวิต และการรับใช้งานพันธกิจต่างๆไว้ว่าอย่างไรครับ

(2 Timothy 4:5) But watch thou in all things, endure afflictions, do the work of an evangelist, make full proof of thy ministry.
(2 Timothy 4:6) For I am now ready to be offered, and the time of my departure is at hand.
(2 Timothy 4:7) I have fought a good fight, I have finished my course, I have kept the faith:

(2 ทิโมธี 4:5) ฝ่ายท่านจงระวังระไวอยู่ในการทั้งปวง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำการรับใช้ของท่านให้สำเร็จ
(2 ทิโมธี 4:6) เพราะว่าบัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นเครื่องบูชาแล้ว และเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไปนั้นก็ใกล้จะถึงแล้ว
(2 ทิโมธี 4:7) ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว 

อัครทูตเปาโลทราบและรู้ดีถึงอุปสรรค และความยากลำบากต่างๆในชีวิต สำหรับสิ่งที่ท่านพบเจอมาไม่ว่าจะเป็นการถูกทำร้าย การถูกเฆี่ยนตี การเผชิญกับเหตุการณ์เรือล้ม ไม่มีใครคิดว่าบุคคลที่พระเจ้าใช้เพื่อประกาศข่าวประเสริฐในเรื่องความรอดอย่างอัครทูตเปาโลจะมาพบเจอกับสิ่งเหล่านี้ แต่แล้วอัครทูตท่านนี้ก็ให้คำพยานว่า ชีวิตที่ท่านพบเจอกับเรื่องเหล่านี้เป็นชีวิตที่ดี ทั้งพระเยซูคริสต์และอัครทูตเปาโลล้วนเจออุปสรรคและความลำบากมากกว่าเรายิ่งนัก

เมื่อเรามีปัญหาชีวิตเข้ามา อย่าได้ทิ้งและเลิกไปกับพระเจ้านะครับ

สำหรับเนื้อหาโพสนี้ แอดมินเรียบเรียงมาจากบทเทศนา Finish What You Start | Christian Character in Action – Lesson 8 ทุกคนสามารถเข้าไปรับฟังเพิ่มเติมกันได้ครับที่

https://www.youtube.com/watch?v=WR9rgPlCw_c

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
แอดมิน

Share

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *