สดุดี 51 – สดุดีแห่งการกลับใจ
สวัสดีครับ วันนี้เราจะศึกษาพระธรรมสดุดี บทที่ 51 ก่อนอื่นเราต้องทราบถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์บทนี้กันก่อน ผู้เขียนพระธรรมสดุดีบทที่ 51 คือกษัตริย์ดาวิด เขาเป็นกษัตริย์องค์ที่สองของอิสราเอลสืบต่อจากกษัตริย์ซาอูล กษัตริย์ซาอูลไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งทำให้พระเจ้าปฏิเสธพระองค์ (1 ซามูเอล 13:13-14; 1 ซามูเอล 15:23) หลังจากนั้นพระเจ้าเลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ภูมิหลังของดาวิดเดิมทีเขาเป็นเด็กเลี้ยงแกะเมื่อพระเจ้าเรียกเขาครั้งแรก (1 ซามูเอล 16:13)
หลายคนอาจทราบเรื่องราวที่มีชื่อเสียงในพระคัมภีร์ ในเรื่องดาวิดที่เอาชนะโกลิอัท นักรบยักษ์ฟีลิสเตีย (1 ซามูเอล 17:49-51) เรื่องนี้เกิดขึ้นในขณะที่ซาอูลยังเป็นกษัตริย์อยู่ เมื่อเวลาผ่านไปดาวิดกลายเป็นนักรบผู้เกรียงไกรและมีชื่อเสียงมากมาย กษัตริย์ซาอูลเริ่มรู้สึกว่าถูกคุกคามและอิจฉาดาวิด วันหนึ่งเมื่อดาวิดกลับมาจากการต่อสู้ มีขบวนพาเหรดตามท้องถนน โดยมีผู้หญิงร้องเพลงและเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของเขา เพลงนั้นสรรเสริญดาวิดที่สังหารศัตรูได้มากกว่ากษัตริย์ซาอูล การเปรียบเทียบนี้ทำให้กษัตริย์ซาอูลโกรธมาก (1 ซามูเอล 18:6-9) กษัตริย์ซาอูลจึงหาโอกาสที่จะฆ่าดาวิดตั้งแต่นั้นมา
เมื่อพระเจ้าปฏิเสธกษัตริย์ซาอูล เรื่องราวของเขาจึงจบลงอย่างน่าเศร้า กษัตริย์ซาอูลเผชิญหน้ากับกองทัพฟีลิสเตียขนาดใหญ่ และพระเจ้าไม่ตอบรับคำวิงวอนขอความช่วยเหลือของเขา (1 ซามูเอล 28:6) กษัตริย์ซาอูลรู้สึกหดหู่ใจและถึงกับขอคำแนะนำจากแม่มดแห่งเอนโดร์ (1 ซามูเอล 28:7) ซึ่งเป็นการกระทำที่บัญญัติของพระเจ้าห้ามเอาไว้ กษัตริย์ซาอูลและโอรสถูกสังหารในการรบที่ภูเขากิลโบอา (1 ซามูเอล 31:6) ต่อมาดาวิดจึงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล (2 ซามูเอล 5:1-3)
ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด มีสงครามมากมาย และพระองค์ได้เข้าร่วมในสงครามหลายครั้ง พระคัมภีร์อธิบายว่าดาวิดเป็น “ชายตามชอบพระทัยของพระเจ้า” (1 ซามูเอล 13:14) พูดง่ายๆก็คือ เขาเป็นคนที่พระเจ้าพึงพอใจ คุณอาจคิดว่าคนแบบนี้คงทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จริงไหมครับ?
คนๆนั้นคงไม่เคยทำอะไรผิดร้ายแรง แต่นั่นไม่ใช่กรณีของกษัตริย์ดาวิด ระหว่างการสู้รบครั้งหนึ่ง ขณะที่คนรับใช้และกองทัพกำลังต่อสู้กับศัตรู กษัตริย์ดาวิดพักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม (2 ซามูเอล 11:1) วันหนึ่งขณะเดินไปบนหลังคาพระราชวัง กษัตริย์ดาวิดมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ เธอช่างสวยงาม เธอชื่อบัทเชบา แต่บัทเชบาแต่งงานแล้วกับชายคนหนึ่งชื่ออุรีอาห์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทหารในกองทัพของกษัตริย์ดาวิด (2 ซามูเอล 11:2-3) ถึงตอนนี้คุณคงเดาได้ว่าเรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่
กษัตริย์ดาวิดส่งผู้สื่อสารไปพานางบัทเชบามาและล่วงประเวณีกับนาง ต่อมานางบัทเชบาตั้งท้อง (2 ซามูเอล 11:4-5) นี่เป็นเรื่องที่แย่มากๆ กษัตริย์ดาวิดพยายามปกปิดความผิดของตนโดยวางแผนเพื่อให้สามีของบัทเชบาไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ที่แย่กว่านั้นกษัตริย์ดาวิดส่งจดหมายถึงโยอาบ ผู้บัญชาการของเขา โดยสั่งให้อุรียาห์ไปเป็นแนวหน้าในการสู้รบ และถอนกองกำลังสนับสนุนออก เพื่อให้มั่นใจว่าอุรียาห์ต้องถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของศัตรู (2 ซามูเอล 11:14-17)
แต่ว่าพระเจ้าทราบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น พระเจ้าส่งผู้เผยพระวจนะชื่อนาธันไปตำหนิกษัตริย์ดาวิด พระเจ้าสั่งให้นาธันเล่าเรื่องของคนรวยที่มีฝูงแพะแกะและฝูงวัวเป็นอันมากกับคนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย เว้นแต่ลูกแกะตัวเมียเล็กๆตัวเดียว แต่คนรวยคนนั้นกลับไปเอาลูกแกะของคนจนมาเตรียมเป็นอาหารให้กับคนเดินทางคนหนึ่งที่มาหาคนรวยผู้นั้น กษัตริย์ดาวิดโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องความไม่ยุติธรรมนี้ (2 ซามูเอล 12:5-6) แล้วนาธันก็พูดว่า “พระองค์นั่นแหละคือชายคนนั้น” (2 ซามูเอล 12:7) กษัตริย์ดาวิดต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิด เขาได้ฆ่าสามีของบัทเชบาและล่วงประเวณีกับนาง
พระเจ้าลงโทษกษัตริย์ดาวิดเพราะบาปของเขา ซึ่งรวมถึงการเสียชีวิตของบุตรชายอย่างน้อยสามคนของกษัตริย์ดาวิดด้วยความรุนแรง ชื่อของพวกเขาคืออัมโนน (2 ซามูเอล 13:29) อับซาโลม (2 ซามูเอล 18:14) และอาโดนียาห์ (1 พงศ์กษัตริย์ 2:25) ลูกชายที่เกิดจากบาปของกษัตริย์ดาวิดกับบัทเชบา (2 ซามูเอล 12:14) ก็ตายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กษัตริย์ดาวิดรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ขอการอภัยจากพระเจ้า และยังคงเป็นกษัตริย์ต่อไป
นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังของสดุดีบทที่ 51 ที่เราจะศึกษากันในวันนี้ครับ
จนถึงตอนนี้ บาปร้ายแรงสองอย่างที่กษัตริย์ดาวิดทำไปคืออะไร?
คำตอบคือการล่วงประเวณีและการฆาตกรรม ในพันธสัญญาเดิม บทลงโทษสำหรับบาปของการล่วงประเวณี (เลวีนิติ 20:10) และการฆาตกรรม (อพยพ 21:12; เลวีนิติ 24:17,21) คือความตาย ไม่มีเครื่องบูชาไถ่บาปใดๆในพันธสัญญาเดิมที่จะมาช่วยในเรื่องบาปทั้งสองนี้ที่กษัตริย์ดาวิดได้ทำลงไป ภายใต้บัญญัติของพระเจ้า ไม่มีทางออกหรือทางรอดใดๆจากบทพิพากษา ซึ่งก็คือ ความตายสถานเดียว อย่างไรก็ตามสำหรับบาปอื่นๆ ผู้ละเมิดยังพอมีทางออกที่จะนำสัตว์มาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปได้
เรามาเจาะลึกสดุดีบทที่ 51 ด้วยกันและมาดูถึงสิ่งที่พระเจ้าตั้งใจจะสอนเราครับ
1. แสวงหาพระคุณของพระเจ้า: ยอมรับบาปและน้อมรับการให้อภัย
ให้เราอ่านสดุดี 51:1-5 กันครับ
โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงแสดงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ตามความเมตตาของพระองค์ ขอทรงลบการละเมิดของข้าพระองค์ออกไปตามแต่พระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขอทรงล้างข้าพระองค์จากความชั่วช้าให้หมดสิ้น และทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทราบถึงการละเมิดของข้าพระองค์แล้ว และบาปของข้าพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพระองค์เสมอ ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ต่อพระองค์เท่านั้น และได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระองค์ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงชอบธรรมในคำตรัสของพระองค์ และกระจ่างแจ้งในการพิพากษาของพระองค์ ดูเถิด ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่วช้า และมารดาตั้งครรภ์ข้าพระองค์ในบาป – สดุดี 51:1-5
ด้วยบาปที่กษัตริย์ดาวิดทำลงไป เขาจึงเข้าหาพระเจ้าและขอความเมตตาจากพระองค์ เขารู้ว่าการกระทำของเขาผิด ในข้อ 1 เห็นชัดเจนว่ากษัตริย์ดาวิดเข้าใจว่าเขาไม่สามารถลบล้างบาปเหล่านี้ได้ด้วยตัวเขาเอง พระเจ้าต้องเป็นผู้ทำในเรื่องนี้ พระคำข้อนี้เน้นว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถชำระเขาจากบาปเหล่านี้ได้ การให้อภัยบาปต้องมาจากพระเจ้าเท่านั้น ในข้อ 3 กษัตริย์ดาวิดยอมรับบาปที่แท้จริงของเขาโดยไม่ปฏิเสธหรือโต้แย้ง เขายอมรับความผิดและรับผิดชอบโดยไม่กล่าวโทษผู้อื่นในการกระทำของเขา
กษัตริย์ดาวิดตระหนักดีว่าทั้งการล่วงประเวณีกับบัทเชบาและการวางแผนฆ่าอุรียาห์เป็นบาป และเป็นการล่วงละเมิดต่อพระเจ้า ในข้อ 4 เผยให้เห็นว่ากษัตริย์ดาวิดตระหนักถึงธรรมชาติที่ชั่วร้ายของการกระทำของเขา และเข้าใจว่าการกระทำเหล่านั้นทำให้พระเจ้าไม่พอใจ นอกจากนี้เขายังยอมรับความชอบธรรมและความยุติธรรมของพระเจ้า โดยตระหนักว่าพระเจ้ามีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะตัดสินเขาสำหรับอาชญากรรมเหล่านี้ที่เขาก่อขึ้น พระคำทุกข้อเหล่านี้บอกเราว่ากษัตริย์ดาวิดขอให้พระเจ้าลบล้างความผิดของเขาโดยอาศัยทางพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น
เช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิด เราแต่ละคนได้ทำบาป ก่อนที่ผู้คนจะได้รับความรอด ขั้นตอนแรกที่พวกเขาต้องทำคือการยอมรับว่าพวกเขาเป็นคนบาป ผมเข้าใจว่าความจริงนี้อาจฟังดูแรง และไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับในเรื่องนี้ได้ในชีวิตของพวกเขา อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์นั้นตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ ให้อ่าน 1 ยอห์น 1:8 กันครับ
ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย – 1 ยอห์น 1:8
ทุกคนรู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งผิด และพระคัมภีร์ระบุว่าการโกหกเป็นบาปอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เราไม่จำเป็นต้องสอนเด็กๆให้โกหก แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นโหมดอัตโนมัติของเด็กๆเลยก็ว่าได้ในเรื่องนี้ ความบาปนี้ส่งต่อมาถึงเราตั้งแต่สมัยสวนเอเดน การทำความดีของเราไม่สามารถช่วยเราให้พ้นจากบาปได้เลย ในสายตาของพระเจ้า การทำดีของเราในอดีตก็ยังไม่ดีพอ ในปัจจุบันก็ยังไม่ดีพอ และแม้ต่อไปในอนาคตก็จะยังไม่ดีพอ
แต่มีความหวังสำหรับเราหรือไม่?
เรามาดูสดุดีบทที่ 51 เพื่อดูว่าบาปของเราจะได้รับการอภัยอย่างไร
กษัตริย์ดาวิดทำอย่างไร?
เขาไม่ได้โอ้อวดเกี่ยวกับความดีของเขา เขากลับบอกพระเจ้าว่าเขาเป็นคนบาป เขายอมรับว่าเขาทำบาปต่อพระเจ้าและตระหนักว่าเขาผิด เขาต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อขจัดบาปของเขา เช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิด เราต้องเข้าหาพระเจ้า ยอมรับว่าเราเป็นคนบาป และเราต้องการพระคุณของพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอดจากความบาป พระคุณ เป็นคำที่ใช้ในพระคัมภีร์ หมายความว่า “เราได้รับสิ่งที่เราไม่สมควรได้รับ”
ข่าวดีก็คือว่าพระเจ้าได้แสดงความรักต่อเราแล้วโดยการส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ มาใช้ชีวิตที่สมบูรณ์และปราศจากบาปบนโลกนี้ และตายบนไม้กางเขนเพื่อชำระบาปของคนทั้งโลก หลังจากถูกฝังไว้ในอุโมงค์สามวันสามคืน พระเยซูฟื้นคืนชีพมาจากความตาย ตามคำพยากรณ์ที่มีเขียนไว้ มีเพียงเลือดของพระเยซูที่หลั่งบนไม้กางเขนเท่านั้นที่สามารถชำระล้างบาปทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเดียวเท่านั้นที่พระเจ้ายอมรับ ให้เรามาอ่านพระคำโรม 5:8-10 กัน
แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้น เราจะพ้นจากพระพิโรธโดยพระองค์ เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรู เราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าโดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์ ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเรากลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์แน่ – โรม 5:8-10
เช่นเดียวกับที่กษัตริย์ดาวิดกล่าวไว้ในสดุดีบทที่ 51 เราต้องตระหนักว่าพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถชำระเราจากบาปได้ การยกโทษบาปมาจากพระเจ้าโดยทางพระคุณของพระองค์เท่านั้น หากคุณกำลังฟังอยู่ นี้เป็นข่าวดีสำหรับคุณ ถึงเวลาที่คุณจะมาหาพระเยซู
2. แสวงหาพระคุณของพระเจ้า: หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณภายใน
มาอ่านสดุดี 51:6-10 กันต่อครับ
ดูเถิด พระองค์มีพระประสงค์ความจริงภายใน และจะทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ภายในจิตใจลึกลับของข้าพระองค์ ขอทรงชำระข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ ข้าพระองค์จึงจะสะอาด ขอทรงล้างข้าพระองค์และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้ยินความชื่นบานและความยินดี เพื่อกระดูกซึ่งพระองค์ทรงหักนั้นจะเปรมปรีดิ์ ขอทรงเบือนพระพักตร์พระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์เสีย และทรงลบบรรดาความชั่วช้าของข้าพระองค์ให้สิ้น โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์ และฟื้นน้ำใจที่หนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์ – สดุดี 51:6-10
พระเจ้าสนใจเรื่องจิตวิญญาณภายในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเรา เป็นเรื่องง่ายที่เราจะดูเหมือนทำถูกต้องจากภายนอก อาจจะเป็นวิธีที่เราพูด แต่งตัว หรือแสดงกิริยาท่าทางต่างๆ แต่สิ่งที่ยากคือเรื่องความปรารถนาและความคิดภายในใจของเรา ซึ่งมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็น
เมื่อผู้คนล้มลงในความบาป มันไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันเริ่มขึ้นในใจทีละน้อย ยิ่งเราจดจ่อกับความคิดที่เป็นบาปมากเท่าไหร่ ความคิดเหล่านั้นก็จะยิ่งแสดงออกมาผ่านการกระทำของเรามากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์แนะนำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิดของเราด้วยพระวจนะของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าเป็นเหมือนผงซักฟอกฝ่ายวิญญาณที่ชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์ ให้เราอ่านข้อพระคำ โรม 12:1-2 กัน
พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต อันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการปรนนิบัติอันสมควรของท่านทั้งหลาย อย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม – โรม 12:1-2
ช่วงนี้ ความคิดของคุณจดจ่ออยู่กับเรื่องอะไร? ข่าวต่างๆ โซเชียลมีเดีย หรือโทรทัศน์?
ให้เรามาดูสดุดีบทที่ 51 กันต่อ ในข้อ 7 และ 9 กษัตริย์ดาวิดขอให้พระเจ้าชำระบาปของเขาอีกครั้ง กษัตริย์ดาวิดไม่สามารถชำระล้างบาปได้ เขาต้องการให้พระเจ้าทำ กษัตริย์ดาวิดเชื่อว่าพระเจ้าสามารถชำระเขาให้สะอาดหมดจดโดยไม่ต้องพึ่งพากฏบัญญัติต่างๆ กษัตริย์ดาวิดเข้าเฝ้าพระเจ้าโดยตรง เขาไม่ต้องถวายเครื่องบูชาตามธรรมเนียมปฏิบัติในยุคนั้น ข้อ 8 สอนบทเรียนสำคัญแก่เรา ความบาปทุกอย่างมีผลตามมาเสมอ ความบาปจะขโมยความสุขของคุณ หลอกหลอนคุณ และคอยย้ำเตือนคุณถึงอดีตของคุณอยู่ตลอดเวลา ความบาปส่งผลกระทบต่อชีวิตคุณในทุกด้าน รวมถึงความสัมพันธ์ การเงิน และสุขภาพร่างกาย บาปของกษัตริย์ดาวิดพรากความสุขและสามัคคีธรรมกับพระเจ้าไป
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เราเห็นกษัตริย์ดาวิดซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “ชายตามชอบพระทัยของพระเจ้า” ได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง ในฐานะคริสเตียน เราไม่ได้รับการยกเว้นจากความบาป เนื่องจากเรายังมีธรรมชาติความบาปอยู่ในตัวเรา เนื้อหนังของเรายังชอบความบาป นั่นเป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์หนุนใจเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ใกล้ชิดพระวจนะและอธิษฐานต่อพระเจ้า
แล้วคริสเตียนเรามีความหวังในสถานการณ์นี้หรือไม่?
ใช่ เรามีความหวัง
นั่นคือเหตุผลที่เรามี ข้อพระคำ 1 ยอห์น 1:9 ในพระคัมภีร์ครับ
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น – 1 ยอห์น 1:9
เราต้องเรียนรู้ที่จะพูดคุยกับพระเจ้าเป็นประจำ เมื่อเรารับรู้ถึงบาปของเรา เราควรนำความบาปเหล่านั้นไปหาพระเจ้าทันที เช่นเดียวกับที่กษัตริย์ดาวิดอธิษฐานในสดุดี 51:10 เขาขอให้พระเจ้าชำระจิตใจของเขาให้สะอาด และเปลี่ยนจิตวิญญาณภายในตัวเขาให้ถูกต้อง
คุณเคยอธิษฐานคล้ายกับกษัตริย์ดาวิดในเรื่องนี้หรือไม่?
ถ้ายังไม่เคย ทำไมคุณไม่ลองเริ่มอธิษฐานอะไรแบบนี้ และดูว่าพระเจ้าจะทำอะไร? คุณอาจประหลาดใจที่เห็นว่าพระเจ้าสามารถช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น พอใจกับชีวิต และรักคนที่ยากจะรักได้
3. แสวงหาพระคุณของพระเจ้า: ฟื้นฟูและให้อภัย
มาอ่านสดุดี 51:11-19 กันต่อครับ
ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้องพระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์ ขอทรงคืนความชื่นบานในความรอดแก่ข้าพระองค์ และชูข้าพระองค์ไว้ด้วยเต็มพระทัย แล้วข้าพระองค์จะสอนผู้ละเมิดทั้งหลายถึงบรรดาพระมรรคาของพระองค์ และคนบาปทั้งหลายจะกลับสู่พระองค์ โอ ข้าแต่พระเจ้า คือพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดเพราะทำโลหิตเขาตก และลิ้นของข้าพระองค์จะร้องเพลงเรื่องความชอบธรรมของพระองค์ โอ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเบิกริมฝีปากของข้าพระองค์ และปากของข้าพระองค์จะสำแดงการสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก ขอทรงกระทำดีแก่ศิโยนตามพระกรุณาของพระองค์ ขอทรงสร้างกำแพงเยรูซาเล็ม แล้วพระองค์จะทรงปีติยินดีในเครื่องสัตวบูชาแห่งความชอบธรรม ในเครื่องเผาบูชาและในเครื่องเผาบูชาทั้งตัว แล้วเขาจะถวายวัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์ – สดุดี 51:11-19
กษัตริย์ดาวิดเข้าใจว่าพระเจ้ามีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะลงโทษเขาสำหรับบาปที่เขาทำ พระเจ้าอาจทอดทิ้งเขา เช่นเดียวกับที่ทำกับกษัตริย์ซาอูล พระเจ้าอาจพรากพระพร การนำทาง การปลอบโยน และความช่วยเหลือทั้งหมดไปจากกษัตริย์ดาวิดก็ได้ ข้อนี้เน้นว่ากษัตริย์ดาวิดแสวงหาพระคุณของพระเจ้า ข้อ 12 ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคริสเตียนอีกด้วย ในฐานะผู้เชื่อ เราได้รับความรอดโดยพระคุณของพระเจ้าโดยความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ ความรอดของเรานั้นแน่นอน และไม่มีสิ่งใดมาพรากมันไปได้ ทันทีที่เราเชื่อและวางใจว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเจ้าจะช่วยจิตวิญญาณของเราทันที พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาอยู่ภายในเราและจะไม่มีวันจากไป
อย่างไรก็ตาม เราต้องจำไว้ว่า แม้จะเป็นคริสเตียน เราก็ยังสามารถทำบาปได้ เนื่องจากธรรมชาติความบาปของเรายังคงมีอยู่ บาปที่เราทำจะพรากความสุข สันติสุข และทำลายความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่น กษัตริย์ดาวิดเพียงขอให้พระเจ้าคืนความชื่นชมยินดีในชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ผมอยากให้ทุกคนมาดูข้อ 16-17 บางคนมีความเชื่อผิดๆ คิดว่าเครื่องบูชาทั้งหมดที่ชาวยิวถวายในพันธสัญญาเดิมได้ลบล้างบาปของพวกเขา ซึ่งนั่นไม่จริงเลย
พระเจ้าต้องการหรือเรียกร้องเครื่องบูชาเหล่านั้นจริงหรือ?
คำตอบชัดเจนในข้อ 16 ที่เราเพิ่งอ่านไป กษัตริย์ดาวิดผู้แต่งบทเพลงสดุดีนี้ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และสรุปว่าไม่มีเครื่องบูชาใดเลยตามธรรมบัญญัติที่สามารถสนองความต้องการอันชอบธรรมของพระเจ้าได้ กษัตริย์ดาวิดเข้าใจว่าแม้เขาจะถวายเครื่องบูชาเหล่านั้น มันก็ไม่สามารถลบล้างบาปมหันต์ที่เขาก่อได้ เขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระเจ้า อาศัยเพียงแค่ความเชื่อที่เรียบง่าย เราสามารถเข้าใจได้จากข้อ 17 ว่า ใจที่ชอกช้ำและสำนึกผิด วางใจในพระเมตตาของพระเจ้าผู้ปรานีคือสิ่งที่พระองค์พอพระทัย
แนวคิดเดียวกันนี้มีสอนในพันธสัญญาใหม่เช่นกัน ให้เราอ่านฮีบรู 10:4 ครับ
เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้ – ฮีบรู 10:4
แต่วันนี้เรามีข่าวดี พระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ได้มายังโลกนี้แล้ว ได้ตายบนไม้กางเขน หลั่งเลือดเพื่อชำระบาปของมนุษย์ทุกคนในโลก ความตายไม่สามารถเอาชนะพระเยซูได้ เพราะพระองค์ฟื้นคืนชีพจากความตายหลังผ่านไปสามวันกับสามคืน ตามที่ได้มีคำพยากรณ์เอาไว้
พระเจ้าทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยเราให้พ้นจากบาป ในความเป็นจริงพระองค์ทรงทำให้ส่วนที่ยากที่สุดเสร็จสมบูรณ์ พระองค์เต็มใจสละบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในสวรรค์และลงมายังโลกอย่างถ่อมตนในฐานะมนุษย์คนหนึ่งซึ่งก็คือพระเยซู ต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธ การหักหลัง การเฆี่ยนตี และความอับอายมากกว่ามนุษย์คนอื่นๆ ถึงอย่างนั้น พระเยซูก็เต็มใจไปที่กางเขนเพื่อตายและชดใช้บาปของคุณ และบาปของผม พระเจ้าไม่เคยต้องการให้ใครพินาศ พระองค์ต้องการให้คุณและผมกลับไปหาพระองค์
มาอ่านพระธรรรม เอเฟซัส 2:8-9 กัน นี่เป็นหนึ่งในข้อพระคัมภีร์ที่แอดมินชอบมากครับ
ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้ – เอเฟซัส 2:8-9
วันนี้คุณสามารถรับเอาการอภัยบาปของคุณได้ หากคุณยังคงเผชิญกับปัญหาความบาปในชีวิตของคุณและไม่เคยวางใจในพระเยซูในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของคุณ อย่ารอช้าและปล่อยให้วันนี้ผ่านไปครับ สามารถกลับไปอ่านโพส “จะรอดไหมเนี่ย” กันอีกครั้งได้ครับ
เรามาดูกันว่าจะสามารถนำพระคำสดุดีบทที่ 51 มาประยุกต์กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้างครับ
- อย่าดูถูกพลังของความบาป บาปเป็นอันตราย และแม้แต่คริสเตียนก็มีแนวโน้มที่จะทำบาป
- หมั่นศึกษาพระวจนะของพระเจ้าและอธิษฐาน ใช้เวลาอย่างชาญฉลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับใช้พระเจ้า จำตัวอย่างของกษัตริย์ดาวิด เขาสามารถหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมนี้ได้ หากเขาอยู่รับใช้พระเจ้า แทนที่จะเดินบนหลังคาพระราชวังและไปเห็นบางอย่างที่เขาไม่ควรเห็น
- หากทำบาปไป จงกลับใจใหม่และเข้าหาพระเจ้าทันที จำไว้ว่าบาปของเรามีผลตามมาเสมอ
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
แอดมิน
อ้างอิง
1. Knox, J. W. (2009). The Law and Rightly Dividing The Word Reconsidered (p. 277–280).
2. Sorenson, D. H. (2007). Understanding the Bible.





Users Today : 3
Users Last 30 days : 245
Total Users : 9271