พิธีมหาสนิท

สวัสดีครับ วันนี้แอดมินชวนเรามาศึกษาหลักคำสอนสำคัญอีกหัวข้อหนึ่งของพระคัมภีร์ นั่นคือ พิธีมหาสนิท เราจะมาดูถึงต้นกำเนิด จุดประสงค์ และข้อกำหนดในการมีส่วนร่วมในพิธีนี้กับคริสตจักรท้องถิ่นครับ

ทุกๆ วัน เราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสัญลักษณ์ และโลโก้โฆษณาต่างๆนับไม่ถ้วนที่ผ่านตาเรา ไม่ว่าจะขับรถไปทำงานหรือเล่นอินเทอร์เน็ต โฆษณาพาณิชย์ต่างก็แสดงแบรนด์และโลโก้ของพวกเขา

ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเห็นโลโก้แอปเปิ้ลที่ถูกกัดครึ่งลูก คุณจะนึกถึงผลิตภัณฑ์ของ Apple เช่น iPhone และ iPad ทันที ในทำนองเดียวกัน เมื่อคุณเห็นโลโก้รูปนางเงือกสีเขียวพร้อมมงกุฎ คุณจะจำกาแฟ Starbucks ได้ทันที และเมื่อคุณเห็นลุงแก่ๆ ผมหงอกใส่แว่นและตัวอักษร KFC คุณจะนึกถึงไก่ทอด

ในทางการตลาดแล้ว โลโก้ สัญลักษณ์เหล่านี้นั้นทรงพลัง แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้? คำตอบนั้นง่าย: พวกเขาต้องการให้ลูกค้าจดจำพวกเขา

1. ต้นกำเนิดพิธีมหาสนิท

สำหรับวันนี้ เราจะศึกษาถึงสัญลักษณ์หนึ่งในความเชื่อของคริสเตียนที่เตือนเราถึงองค์พระเยซูคริสต์ เราจะอ่านข้อพระคัมภีร์หลายข้อด้วยกันครับ เริ่มต้นที่พระธรรมมาระโก บทที่ 14 เริ่มตั้งแต่ข้อ 12 จนถึงข้อ 25 ครับ

มาระโก 14: 12-15

เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ถึงเวลาเขาเคยฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกของพระองค์มาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงปรารถนาจะให้ข้าพระองค์ทั้งหลายไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน” พระองค์จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งเขาว่า “จงเข้าไปในกรุงนั้น แล้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป เขาจะเข้าไปในที่ใด ท่านจงบอกเจ้าของเรือนนั้นว่า พระอาจารย์ถามว่า `ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเราได้นั้นอยู่ที่ไหน’ เจ้าของเรือนจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด”

เรื่องราวนี้พาเราย้อนไปถึงตอนที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงกางเขน ชาวยิวกำลังฉลองเทศกาลปัสกาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาระลึกถึงพระเจ้าที่ได้ช่วยชาวอิสราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์ พระเยซูสั่งให้สาวกสองคนเข้าไปในเมืองและเตรียมอาหารสำหรับปัสกา พระองค์บอกให้พวกเขามองหาชายคนหนึ่งที่ถือเหยือกน้ำ แล้วให้ตามเขาไปที่บ้านที่พวกเขาจะรับประทานอาหารสำหรับปัสกา เจ้าของบ้านจึงพาพวกเขาไปยังห้องใหญ่ชั้นบนซึ่งตกแต่งไว้แล้ว เป็นที่เตรียมอาหาร

มาดูกันต่อว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปครับ

มาระโก 14:16-21

สาวกสองคนนั้นจึงออกเดินเข้าไปในกรุง และพบเหมือนพระดำรัสที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขา แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน เมื่อกำลังเอนกายลงรับประทานอาหารอยู่ พระเยซูจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือคนหนึ่งที่รับประทานอาหารอยู่กับเรานี่แหละ” ฝ่ายพวกสาวกก็เริ่มพากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “คือข้าพระองค์หรือ” และอีกคนหนึ่งถามว่า “คือข้าพระองค์หรือ” พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในจานเดียวกันกับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่ได้มีคำเขียนไว้ถึงพระองค์นั้นจริง แต่วิบัติแก่ผู้ที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะเป็นการดีต่อคนนั้นเอง”

หลังจากที่พระเยซูสั่งให้สาวกสองคนเตรียมอาหารปัสกา พวกเขาก็ทำตามที่พระองค์บอก และพบว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เมื่อเราสังเกตข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ ก็คือบางครั้งพระเจ้าบอกถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจง ดังที่เราได้เห็นในแล้วจากตัวอย่างนี้โดยที่พระเยซูบอกสาวกสองคนนั้นโดยละเอียดว่าต้องไปเจอใคร เจอแล้วต้องทำอย่างไร

วันนี้เรามีพระวจนะของพระเจ้าเป็นลายลักษณ์อักษรในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์แล้ว เรายังมีพระคัมภีร์เป็นภาษาไทยอีกด้วย ซึ่งช่วยนำทางให้เราเติบโตขึ้นในการใช้ชีวิตคริสเตียนกับมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราเชื่อฟังพระองค์ และทำตามพระคำของพระองค์ด้วยความเชื่อ เอาเข้าจริงแล้วเราทุกคนอาจทำได้ไม่ดีเสมอไป แต่เราสามารถอธิษฐานและขอพระเจ้าให้ช่วยเราได้ทุกวันเช่นกันครับ

ในตอนเย็นของมื้ออาหารปัสกานั้น ขณะที่พระเยซูและเหล่าสาวกกำลังรับประทานอาหาร พระเยซูเปิดเผยว่าหนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระองค์จะทรยศต่อพระองค์ เหล่าสาวกต่างเสียใจกับข่าวนี้ และถามว่าใช่พวกเขาหรือเปล่า พระเยซูตอบว่า เป็นหนึ่งในสิบสองคนที่จุ่มขนมปังในจานกับพระองค์ นอกจากนี้พระเยซูยังบอกด้วยว่าเรื่องนี้ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วถึงการทรยศ พระองค์บอกว่าจะเป็นการดีกว่าสำหรับคนทรยศ หากคนนั้นไม่เคยเกิดมา พระคัมภีร์เปิดเผยว่ายูดาส อิสคาริโอท ก็คือคนทรยศคนนั้นครับ

ฉากต่อไปที่เราจะได้เห็นคือตอนที่พระเยซูจัดตั้งพิธีมหาสนิทครับ

มาระโก 14: 22-25

ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา ทรงขอบพระคุณ แล้วหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณและส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นนี้ต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า

พระเยซูหยิบขนมปัง อวยพร และหักส่งให้สาวกบอกให้พวกเขากิน

องค์ประกอบแรกของพิธีมหาสนิทคืออะไรครับ?

มันคือ ขนมปัง เห็นได้ชัดว่าขนมปังที่พระเยซูให้แก่เหล่าสาวกเป็นเพียงขนมปังธรรมดา ขนมปังธรรมดานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือกลายเป็นร่างกายของพระเยซูแต่อย่างใด แต่เป็นสัญลักษณ์ถึงร่างกายของพระเยซูซึ่งต่อมาจะถูกเฆี่ยน ตี และตรึงบนไม้กางเขนเพื่อความรอดของเรา

องค์ประกอบที่สองของพิธีมหาสนิทคืออะไรครับ?

สิ่งนั้นคือ ถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำผลแห่งเถาองุ่น ดังที่กล่าวไว้ในมัทธิว 26:29  ส่วนน้ำผลแห่งเถาองุ่นนั้นก็ไม่ได้กลายเป็นเลือดของพระเยซูแต่อย่างใดครับ แต่เป็นสัญลักษณ์ของเลือดที่พระเยซูหลั่งเพื่อเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปของทุกๆคนในโลกนี้ครับ

2. จุดประสงค์ของพิธีมหาสนิท

เราได้อ่านจากข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของพิธีมหาสนิทไปแล้ว ต่อไปเราจะมาดูถึงจุดประสงค์ของพิธีนี้กันครับ เปิดพระคัมภีร์ไปที่ 1 โครินธ์ บทที่ 11 เราจะอ่านข้อ 23 ถึง 26 ครับ

1 โครินธ์ 11:23-26

เพราะว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือในคืนที่เขาทรยศพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ครั้นขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักแล้วตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา ซึ่งหักออกเพื่อท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา” เมื่อรับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มให้เป็นที่ระลึกถึงเรา” เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา”

นี่คือจดหมายฝากที่อัครทูตเปาโลเขียนถึงคริสตจักรในเมืองโครินธ์ คริสตจักรในเมืองโครินธ์กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ เช่น การแตกแยก การผิดศีลธรรม และคำสอนเท็จ ในจดหมายฝากนี้ อัครทูตเปาโลกล่าวถึงประเด็นเหล่านี้ และเตือนผู้เชื่อชาวโครินธ์ถึงความสำคัญของการเป็นหนึ่งเดียวกันของสมาชิกคริสตจักร ความรัก และหลักคำสอนที่ถูกต้อง

ในพระคำข้อนี้ อัครทูตเปาโลเตือนคริสตจักรในเมืองโครินธ์และผู้เชื่อทุกคนที่ได้รับความรอดแล้วถึงจุดประสงค์ของพิธีมหาสนิท โดยให้ระลึกถึงการตายของพระเยซูคริสต์เพื่อชดใช้บาปของคนทั้งโลก การที่พระเยซูถูกเฆี่ยนตี ถูกตรึงบนไม้กางเขน หลั่งรินเลือดของพระองค์เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปอันสมบูรณ์แบบทำให้พระเจ้าพระบิดาพอใจ (อิสยาห์ 53:10) การตายของพระเยซูบนไม้กางเขนได้เปิดหนทางแห่งความรอดสำหรับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ครับ

จุดประสงค์ของพิธีมหาสนิทนั้นชัดเจน: ก็เพื่อระลึกถึงการตายขององค์พระเยซู จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา

สิ่งที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับข้อ 26 คือ ‘จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา’ พระคำนี้ทำให้เรามีความหวังและการรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ครับ

คุณอาจจะสงสัยว่า ‘พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้งจริงหรือ?

ในฐานะผู้เชื่อ เรารู้ว่าพระเยซูไม่ได้อยู่ตัวเป็นๆกับเราบนโลกในขณะนี้  ในกิจการบทที่ 1 เราได้อ่านถึงช่วงเวลาที่พระเยซูกลับขึ้นสู่สวรรค์และหายไปจากสายตาของเหล่าสาวก แล้วก็มีทูตสวรรค์มาปรากฏแก่เหล่าสาวกบอกพวกเขาว่าพระเยซูจะกลับมาในลักษณะเดียวกับที่พระองค์จากไป (กิจการ 1:11) ดังนั้นเราจึงพูดได้อย่างมั่นใจว่า ใช่ พระเยซูจะกลับมาอีกครั้ง นี่เป็นคำสัญญาที่น่าตื่นเต้นที่เรารอคอยเมื่อเราติดตามและรับใช้พระองค์ต่อไปครับ

3. ข้อกำหนดการมีส่วนร่วมกับพิธีมหาสนิท

3.1 ผู้เข้าร่วมพิธีมหาสนิท

กลับไปที่ข้อพระคำ มาระโก 14:16-17 ที่เราเพิ่งอ่านกันครับ

มาระโก 14:16-17

สาวกสองคนนั้นจึงออกเดินเข้าไปในกรุง และพบเหมือนพระดำรัสที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขา แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน

นี่เป็นตอนที่พระเยซูกำลังจะจัดตั้งพิธีมหาสนิท

มีใครอยู่ร่วมกับพระองค์ครับ?

คำตอบก็คือมีพวกสาวก รวมทั้งอัครสาวกสิบสองคนอยู่กับพระองค์

ประเด็นนี้สิ่งสำคัญก็คือเราต้องเข้าใจ ความหมายของคำว่า คริสตจักร ตามที่เราได้เรียนรู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว

คริสตจักรเป็นการชุมนุมของเหล่าผู้เชื่อที่ได้รับความรอดในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง  ต่อมาให้เราอ่านข้อพระคำ 1 โครินธ์ 12:28 เราจะเห็นถึงกลุ่มผู้คนที่ประกอบกันเป็นคริสตจักรครับ

1 โครินธ์ 12:28

และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครสาวก สองผู้พยากรณ์ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีการอัศจรรย์ ของประทานในการรักษาโรค การช่วยเหลือ การครอบครอง การพูดภาษาต่างๆ

ในช่วงคริสตจักรยุคแรก คริสเตียนรวมตัวกันและปฏิบัติตามหลักคำสอนของอัครสาวก สามัคคีธรรม รับประทานอาหารร่วมกัน และอธิษฐานเผื่อกันและกัน (กิจการ 2:42) เราจำได้ไหมถึงสิ่งที่พระเยซูบอกไว้ในมัทธิว 16:18 ว่า “บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้”  ส่วน 1 โครินธ์ 12:28 ยังบอกเราด้วยอีกว่า การชุมนุมของเหล่าผู้เชื่อที่ได้รับความรอดในท้องถิ่นนั้นประกอบด้วยผู้คนที่มีทักษะ ความสามารถ และของประทานที่แตกต่างกันไป บางคนสามารถเทศนาและสอนพระวจนะของพระเจ้าได้ ในขณะที่บางคนเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือ บางคนเก่งเรื่องการบริหาร และการจัดการ ครับ

ดังนั้นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมพิธีมหาสนิทได้ก็คือพวกเขาจะต้องได้รับความรอด ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของพวกเขา โดยอยู่เข้าร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่นนั้นๆ

3.2 ความถี่ในการจัดพิธีมหาสนิท

เราจะมาดูว่าคริสตจักรท้องถิ่นควรจัดพิธีมหาสนิทบ่อยเพียงใด ให้เราอ่าน 1 โครินธ์ 11:26 ครับ

1 โครินธ์ 11:26

เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา

พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าต้องประกอบพิธีมหาสนิทถี่มากน้อยแค่ไหน ระบุเพียงว่า “เมื่อใดที่พวกท่านกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้” ศิษยาภิบาลของคริสตจักรจะตัดสินใจว่าเมื่อใดที่คริสตจักรควรมารวมกันเพื่อเข้าร่วมพิธีมหาสนิท

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีมหาสนิทแล้ว การประชุมจะสิ้นสุดลงโดยทุกคนร้องเพลงสรรเสริญร่วมกันครับ

มัทธิว 26:30

เมื่อพวกเขาร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ

3.3 คำเตือนเกี่ยวกับพิธีมหาสนิท

การเข้าร่วมพิธีมหาสนิทเป็นช่วงเวลาของการตรวจดูชีวิตของผู้เชื่อนั้นๆอย่างจริงจัง

ให้เราอ่าน 1 โครินธ์ 11:28-30

1 โครินธ์ 11:28-30

ขอให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ เพราะว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเพื่อนำพระอาชญามาสู่ตนเอง เพราะมิได้พินิจดูพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยอยู่และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก

นี่คือคำเตือนจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับพิธีมหาสนิท พระคัมภีร์กล่าวว่าก่อนที่จะกินขนมปังและดื่มน้ำจากผลองุ่น ผู้เชื่อควรตรวจสอบตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าร่วมพิธีนี้อย่างถูกต้อง ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจกินและดื่มในลักษณะที่ไม่ให้เกียรติพระเจ้า ทำให้พวกเขารู้สึกแย่กับตัวเอง ในข้อ 30 กล่าวว่าถ้าคุณกินขนมปัง ดื่มน้ำจากผลองุ่นในพิธีมหาสนิทอย่างไม่ถูกต้อง มันอาจทำให้ร่างกายคุณอ่อนแอ เจ็บป่วย หรือแม้แต่เสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่เชื่อในพระเจ้า (ผู้เชื่อที่ได้รับความรอด) ที่จะเข้าร่วมพิธีมหาสนิทนี้อย่างจริงจังและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังทำอย่างถูกวิธี

ประเด็นหลักการเข้าร่วมพิธีมหาสนิทอยู่ที่ข้อ 29 ซึ่งกล่าวว่า “มิได้พินิจดูพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า” พระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า หมายถึง คนที่เชื่อในพระเจ้า (ผู้เชื่อที่รอด) พวกเขาอาจเป็นคนที่ไปโบสถ์ เดียวกันกับคุณ เป็นพี่น้องของคุณในพระคริสต์ น่าเสียดายที่คริสตจักรในเมืองโครินธ์กำลังมีปัญหามากมาย พวกเขาทะเลาะกัน และทำให้เกิดการแตกแยกมากมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูต้องการ พระเยซูรักคริสตจักรของพระองค์และต้องการให้ทุกคนเข้ากันได้ หากคุณมีปัญหากับคนอื่นๆ ในคริสตจักร พระคัมภีร์บอกเราถึงวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วยความเคารพ (มัทธิว 18:15-17) โดยปกติแล้วบาปของเราเองที่ทำให้เกิดปัญหา พระเยซูไม่ได้ต้องการให้ผู้เชื่อเป็นคนที่โกรธ เห็นแก่ตัว หรือขมขื่นครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้อ 28 บอกว่าเราควรตรวจสอบตัวเองและให้แน่ใจว่าเราถูกต้องกับพระเจ้าก่อนที่จะเข้าร่วมในพิธีมหาสนิทนี้ครับ

ให้เราอ่าน 1 โครินธ์ 11:31-32

1 โครินธ์ 11:31-32

เพราะถ้าเราจะพิจารณาตัวเราเอง เราจะไม่ต้องถูกทำโทษ แต่เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น พระองค์ทรงตีสอนเรา เพื่อมิให้เราถูกพิพากษาลงโทษด้วยกันกับโลก

พระคำนี้เตือนเราว่าในฐานะผู้เชื่อ เราต้องตรวจสอบตนเองและดูว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เราไม่สามารถใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานได้ เพราะเรามีอคติและข้อแก้ตัวของเราเอง เราต้องใช้พระคัมภีร์เป็นมาตรฐานเพื่อดูว่าเรามีสุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น หากเราพบว่าตัวเองโกรธง่าย บ่นมาก หรือรู้สึกอิจฉา ในช่วงนี้ นี่อาจเป็นเพราะมีบาปในชีวิตของเราที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อแก้ไขในเรื่องนั้นๆ ถ้าเราถ่อมใจลงและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบรับและช่วยเราอย่างแน่นอน มันจะดีกว่าไหม หากเราทำสิ่งนี้และแก้ไขพฤติกรรมของเราอย่างจริงจัง ก่อนที่พระเจ้าจะเข้ามาตีสอนเพื่อแก้ไขชีวิตเราครับ

พิธีมหาสนิทเป็นคำสอนหนึ่งที่สำคัญจากพระคัมภีร์ ในฐานะคริสเตียนเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดังต่อไปนี้

  1. พระเจ้าทรงห่วงสุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด พระองค์ต้องการให้เรารักและสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะพี่น้องในพระคริสต์ เราแค่เรียนรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์อย่างเดียวไม่พอ เราต้องลงแรงพยายาม และขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วย
  2. ในทุกๆวัน เราควรตรวจสอบตนเองตามพระวจนะของพระเจ้าเพื่อดูว่ามีจุดใดในชีวิตเราบ้างที่ควรได้รับการปรับปรุง แก้ไขให้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรามีปัญหาเรื่องบาปที่ต้องแก้ไข แม้ว่าจะมีโอกาสมากมายที่จะมีส่วนร่วมในพิธมหาสนิทที่คริสตจักรแบ๊พติสต์เป็นไทนี้ แต่เราอาจไม่มีโอกาสทำสิ่งที่ถูกต้องกับพี่น้องในพระคริสต์คนอื่นๆเสมอไป ดังนั้นเรามาใช้ประโยชน์จากเวลาที่เรามีอยู่ตอนนี้เพื่อแก้ไขเรื่องความสัมพันธ์กับพี่น้องคริสเตียนให้ถูกต้องกันเถอะครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
แอดมิน

Share

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *