ตอบรับคำอธิษฐาน

สวัสดีครับ วันนี้ แอดมิน ชวนทุกคนมาดูข้อพระคัมภีร์กันต่อในประเด็น การอธิษฐาน ครับ เราได้เรียนรู้แล้วว่า การอธิษฐานเป็นคำบัญชาจากพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อที่ได้รับความรอด (ลูกา 18:1, โคโลสี 4:2, 1 เธสะโลนิกา 5:17) นอกจากนี้ การอธิษฐานถือเป็นสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้เชื่อด้วยเช่นกันครับ (ยอห์น 16:24, ฮีบรู 4:16)

หลายคนมีคำถามว่า พระเจ้าตอบรับทุกคำอธิษฐานเสมอไหม แอดมิน?

เราสามารถหาคำตอบได้จากข้อพระคัมภีร์ครับ

ปกติแล้วคำอธิษฐานได้รับการตอบรับภายใต้เงื่อนไขใหญ่ๆ สอง ประการ

เรามาดูข้อพระคัมภีร์ 1 ยอห์น 5:14 กันครับ

(1 John 5:14) And this is the confidence that we have in him, that, if we ask any thing according to his will, he heareth us:

(1 ยอห์น 5:14) และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา

พระคัมภีร์ข้อนี้เริ่มต้นโดยบอกผู้เชื่อให้มีความมั่นใจต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

ถ้าเราทูลขอสิ่งใดตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา

พระคัมภีร์ข้อนี้กล่าวเป็นประโยคเงื่อนไข

ใจความสำคัญคือการอธิษฐานของเราต้องเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราอธิษฐานในลักษณะนี้ พระคัมภีร์บอกเราชัดเจนว่า พระเจ้ารับฟังเราครับ

คำถามสำคัญต่อมาก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้า เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ ?

พระเจ้าได้มอบพระคัมภีร์อันเสร็จสมบูรณ์แล้วมาให้กับพวกเรา เมื่อเราอ่านสิ่งที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ เราจะทราบได้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าครับ เราไม่ต้องคาดคะเน หรือ เดาสุ่มในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พระคำของพระเจ้าจะบอกเราอย่างชัดเจนผ่านทางลายลักษณ์อักษรครับ

เรามาดูพระคัมภีร์ข้อต่อไปกันครับ

(John 15:7) If ye abide in me, and my words abide in you, ye shall ask what ye will, and it shall be done unto you.

(ยอห์น 15:7) ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนา ท่านก็จะได้สิ่งนั้น

การมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและติดสนิทกับองค์พระเยซูคริสต์ ในฐานะผู้เชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ หลายคนต้องการให้คำอธิษฐานได้รับการตอบรับอย่างทันทีทันใด โดยที่ตัวพวกเขาเองยังไม่ได้เข้าสนิทกับพระเจ้าก่อนเลย

และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว

อีกครั้งหนึ่งที่เราได้เห็นถึงความสำคัญของข้อพระคัมภีร์ ผู้เชื่อทุกคนจำเป็นต้องศึกษาพระคัมภีร์ เรียนรู้และจดจำข้อพระคำของพระเจ้า ซึ่งทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าชอบสิ่งใด เกลียดชังสิ่งใด เมื่อเรามีพื้นฐานเหล่านี้ตามข้อพระคัมภีร์ เราก็จะรู้ได้ว่าสิ่งที่เรากำลังอธิษฐานต่อพระเจ้านั้นเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์หรือไม่ครับ

(Matthew 21:22) And all things, whatsoever ye shall ask in prayer, believing, ye shall receive.

(มัทธิว 21:22) สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้”

เงื่อนไขประการที่สองก็คือ ความเชื่อ เราต้องเชื่อใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าครับ เหมือนตามข้อพระคัมภีร์ ฮีบรู 11:6  ครับ

(Hebrews 11:6) But without faith it is impossible to please him: for he that cometh to God must believe that he is, and that he is a rewarder of them that diligently seek him.

(ฮีบรู 11:6) แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์

ความเชื่อของเรามีความมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อเราอ่านและศึกษาพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ พระเจ้าเขียนพระคัมภีร์เอาไว้ เพื่อช่วยเสริมสร้างความเชื่อของพวกเรา หลายครั้งมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แต่เราก็ยังสามารถวางใจในสิ่งที่พระเจ้าบอกเราผ่านทางพระคัมภีร์ได้เสมอครับ

นอกจากนี้พระเจ้าตอบรับคำอธิษฐานใน สาม ลักษณะใหญ่ ๆ ครับ

1. ตอบรับคำอธิษฐาน

(Psalms 84:11)  For the LORD God is a sun and shield: the LORD will give grace and glory: no good thing will he withhold from them that walk uprightly.

(สดุดี 84:11) เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ พระเยโฮวาห์จะทรงปูนความกรุณาและเกียรติ พระองค์จะมิได้ทรงหวงของดีอันใดไว้เลยจากบุคคลผู้ดำเนินในความเที่ยงธรรม

เราเห็นได้ชัดว่าพระเจ้าไม่เคยหวงแหนสิ่งดีใด ๆ ที่จะมอบให้กับผู้เชื่อที่จัดระเบียบ ดำเนินชีวิตของตนอยู่ในความบริสุทธิ์และความเที่ยงธรรมครับ

2. ปฏิเสธรับคำอธิษฐาน

(James 4:3) Ye ask, and receive not, because ye ask amiss, that ye may consume it upon your lusts.

(ยากอบ 4:3) ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองราคะตัณหาของท่าน

พระคัมภีร์ข้อนี้บอกชัดเจนว่าการอธิษฐานโดยมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวล้วน ๆ โดยขอให้พระเจ้าประทานสิ่งที่เราอยากได้ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี พระองค์ก็จะไม่ทรงตอบคำอธิษฐานดังกล่าวครับ

3. รอตอบรับคำอธิษฐาน

(Luke 11:8) I say unto you, Though he will not rise and give him, because he is his friend, yet because of his importunity he will rise and give him as many as he needeth.

(ลูกา 11:8) เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้เขาจะไม่ลุกขึ้นหยิบให้คนนั้นเพราะเป็นมิตรสหายกัน แต่ว่าเพราะวิงวอนมากเข้า เขาจึงจะลุกขึ้นหยิบให้ตามที่เขาต้องการ

เมื่อคำอธิษฐานของเราสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าบนพื้นฐานพระคำของพระองค์ และไม่มีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวล้วน ๆ หากพระเจ้ายังทรงไม่ตอบรับคำอธิษฐาน ก็อาจเป็นได้ว่าสิ่งที่อธิษฐานนั้นยังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่พระองค์จะตอบรับครับ แน่นอนว่าพระคัมภีร์สอนเราให้ยังคงอธิษฐานต่อไปโดยไม่อ่อนระอาใจไปครับ (ลูกา 18:1)

ครั้งหน้า เราจะมาดูในข้อพระคัมภีร์ ว่ามีสิ่งใดบ้างในชีวิตประจำวันของเราที่เป็นอุปสรรคในการตอบรับคำอธิษฐานจากองค์พระผู้เป็นเจ้าครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
แอดมิน

อ้างอิง:
The ABC’s of Christians Growth, Robert J. Sargent
ทำความเข้าใจพระคัมภีร์, ดร. เดวิด เอช. โซเร็นสัน

Share

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *