พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง
วันนี้แอดมิน เริ่มโพสใหม่ เกี่ยวกับหลักคำสอน หัวข้อ “ความลึกลับของพระเจ้า” (The Mysteries of God) พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยความลึกลับของพระองค์เองในเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ไว้ในพระคัมภีร์สำหรับผู้เชื่อทุกคนครับ
หากผู้เชื่อที่ได้รับความรอดแล้วคนใด อยากรู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ การตั้งใจหมั่นศึกษาพระคัมภีร์ครับ รวมถึงเข้าร่วมประชุมนมัสการกับคริสตจักรท้องถิ่นที่ยึดถือในหลักคำสอนที่ถูกต้อง
ผู้เชื่อคนใดที่มีใจปรารถนาความจริงในข้อพระคัมภีร์ด้วยใจถ่อม พระเจ้าเองก็เต็มใจที่จะเปิดเผยและสอนผู้นั้นผ่านทางพระคัมภีร์ในยามที่เราหมั่นอ่านและอธิษฐานครับ
(1 Corinthians 4:1) Let a man so account of us, as of the ministers of Christ, and stewards of the mysteries of God.
(1 Corinthians 4:2) Moreover it is required in stewards, that a man be found faithful.
(1 โครินธ์ 4:1)ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า
(1 โครินธ์ 4:2) ยิ่งกว่านี้ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อทุกคน
แอดมินเริ่มต้น โพส เรื่องนี้ ด้วยข้อพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 4:1-2 ครับ
พระเจ้าทรงมีพระบัญชา สองอย่าง ให้ผู้เชื่อที่ได้รับความรอดแล้วทุกคนว่าอย่างไรครับ?
เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า
และที่สำคัญพระเจ้าคาดหวังให้
ผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อทุกคน
ก่อนอื่นเลย ผู้อารักขา คือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลและปกป้องสิ่งใดก็ตามที่เจ้านายได้มีคำสั่งเอาไว้
พระคำข้อนี้มีบัญชาไปถึงผู้เชื่อทุกคนที่ได้รับความรอดแล้วครับ
สิ่งลึกลับของพระเจ้า คืออะไรกันเหรอ แอดมิน?
เรามาเริ่มต้นศึกษาข้อพระคัมภีร์ไปด้วยกันครับ
สิ่งลึกลับของพระเจ้าเรื่องแรกก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง
(1 Timothy 3:16) And without controversy great is the mystery of godliness: God was manifest in the flesh, justified in the Spirit, seen of angels, preached unto the Gentiles, believed on in the world, received up into glory.
(1 ทิโมธี 3:16) และทางของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่และลึกลับซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว หมู่ทูตสวรรค์ก็เห็น มีผู้ประกาศพระองค์แก่คนต่างชาติ มีชาวโลกเชื่อถือพระองค์ พระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี
เมื่อเราได้อ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง
ใช่แล้วครับ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ได้ทรงบังเกิดรับสภาพเนื้อหนังแห่งกายมนุษย์ และลงมาอยู่ในโลกใบนี้ครับ
เรามาอ่านพระคัมภีร์ข้อต่อไปกันครับ
(1 John 5:20) And we know that the Son of God is come, and hath given us an understanding, that we may know him that is true, and we are in him that is true, even in his Son Jesus Christ. This is the true God and eternal life.
(1 ยอห์น 5:20) และเราทั้งหลายรู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และได้ประทานความเข้าใจแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้เที่ยงแท้ และเราทั้งหลายอยู่ในพระองค์ผู้เที่ยงแท้นั้น คืออยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ นี่แหละเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ และเป็นชีวิตนิรันดร์
ใครคือพระเจ้าผู้เที่ยงแท้กันเหรอ แอดมิน?
พระเยซูคริสต์ คือพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ครับ
พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ที่ได้สร้างมนุษย์ทุกคนขึ้นมาครับ
พระองค์ทรงรักพวกเราทุกคนมาก จนต้องรับสภาพมาบังเกิดโดยกายเนื้อหนังแห่งมนุษย์ และต้องตายเพื่อไถ่บาปของพวกเราทุกคน
แอดมินขอให้ทุกคนลองคิดตามนะครับ
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้คู่ควรที่จะอยู่ในโลกแห่งนี้ พระองค์มีบัลลังก์อันสง่างามในสวรรค์ครับ
แต่พระเจ้ากลับลงมาบังเกิดโดยกายเนื้อหนังแห่งมนุษย์
โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผ่านหญิงพรหมจารี
เราได้เรียนรู้แล้วว่า พระเยซูคริสต์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่หลายครั้งเรากลับมองข้ามเทวสภาพของพระองค์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่มีร่างกายเนื้อหนังคนหนึ่ง
แน่นอนว่าพระเยซูคริสต์ภายใต้เทวสภาพของพระองค์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ยังคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์และไม่มีบาปมลทินใดๆครับ
พระองค์เมื่อเกิดมาก็มีสภาพร่างกายแห่งเด็กทารก ต้องได้รับการป้อนอาหาร ดูแล และก็เจริญเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่ม
พระองค์เองต้องเรียนรู้วิธีการเดิน และการพูด เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปเช่นกันครับ
ทำไมพระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนังเหรอ แอดมิน?
เพื่อจัดการกับความบาปครับ
อาดัม มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้น ฝ่าฝืนพระบัญชาที่พระเจ้าได้ห้ามไว้
(Genesis 2:17) But of the tree of the knowledge of good and evil, thou shalt not eat of it: for in the day that thou eatest thereof thou shalt surely die.
(ปฐมกาล 2:17) แต่จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่วร้าย เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น เพราะว่าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น”
พระเจ้ามีคำสั่งชัดเจน
เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น
แต่อาดัมก็ฝ่าฝืนและกินผลจากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่วร้าย
การไม่เชื่อฟังครั้งนั้นทำให้อาดัมต้องตายทั้งฝ่ายร่างกายและวิญญาณ
เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น
พระเจ้ารักษาคำพูดของพระองค์เสมอ
โลกเราเลยต้องสาปเพราะบาปจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ครับ
(Romans 5:12) Wherefore, as by one man sin entered into the world, and death by sin; and so death passed upon all men, for that all have sinned:
(โรม 5:12) เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคน ๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเช่นกัน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป
บาปเข้ามาในโลกนี้
บาปส่งผลกระทบไปยังทุกส่วนในโลกใบนี้
บาปส่งผลไปถึงมนุษย์ทุกคน
มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป
(Romans 6:23) For the wages of sin is death; but the gift of God is eternal life through Jesus Christ our Lord.
(โรม 6:23) เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พระคำของพระเจ้าชัดเจนมากครับ
ค่าจ้างของความบาปคือความตาย
ความบาปนำมาซึ่งความตาย
พระเจ้ารักษาคำพูดของพระองค์เสมอ
มนุษย์เราไม่มีใครสักคนสามารถหนีความตายได้
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าก็มีทางออกไว้ให้กับพวกเราทุกคน
แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
เรามาอ่านข้อพระคัมภีร์กันต่อครับ
(Hebrews 9:22) And almost all things are by the law purged with blood; and without shedding of blood is no remission.
(ฮีบรู 9:22) และตามพระราชบัญญัติถือว่า เกือบทุกสิ่งจะถูกชำระด้วยโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย
พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าการอภัยบาปจะต้องผ่านการถูกชำระด้วยโลหิตครับ
สิ่งนี้อธิบายให้เราเข้าใจว่าทำไมพระเยซูคริสต์ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้า ต้องมารับสภาพบังเกิดเป็นมนุษย์มีร่างกายเนื้อหนัง และต้องตาย และหลั่งโลหิตบนไม้กางเขนครับ
ถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย
พระเจ้าได้ทำสิ่งที่ยากที่สุดสำเร็จแล้วในการไถ่บาปของเราทุกคน เพื่อที่ใครก็ตามที่เชื่อและวางใจในองค์พระเยซูคริสต์จะได้รับความรอดครับ
ของประทานอันล้ำค่านี้ยังมีให้กับทุกคนนะครับ
หากใครมาบล็อกนี้เป็นครั้งแรก แอดมิน แนะนำให้อ่านโพส “จะรอดไหมเนี่ย” ครับ
ก่อนจากกันในวันนี้ แอดมิน ชวนทุกคนมาอ่านข้อพระคัมภีร์ ข้างล่างนี้กันครับ
(1 Corinthians 3:18) Let no man deceive himself. If any man among you seemeth to be wise in this world, let him become a fool, that he may be wise.
(1 โครินธ์ 3:18) อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่าตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้
โลกใบนี้จะยังคงเย้ยหยันคริสเตียน
โลกใบนี้จะยังคงโจมตีคริสเตียน
โลกใบนี้จะยังคงบอกว่าการเชื่อวางใจเพียงแค่สิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทำสำเร็จบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเป็นเรื่องไร้สาระ
โลกใบนี้มองว่าคำสอนคริสเตียนเป็นเรื่องโง่เขลา
แอดมิน ขอหนุนใจพี่น้องคริสเตียนทุกคนนะครับ
หากเราเชื่อวางใจในองค์พระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า ตายบนไม้กางเขน ถูกฝั่งไว้ ฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นในวันที่สาม และเราได้ร้องขอให้พระองค์ช่วยเราให้รอดจากโทษทัณฑ์แห่งความบาปที่จะต้องถูกพิพากษาในบึงไฟเป็นนิตย์นิรันดร์ พระคัมภีร์บอกว่า เราเป็นผู้มีปัญญา ครับ
เราอาจตัดสินใจผิดพลาดในบางเรื่อง แอดมินก็เคยตัดสินใจพลาดเหมือนกันครับ
แต่การตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัว จะไม่ทำให้เราต้องเสียใจไปตลอดกาลครับ
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
แอดมิน
อ้างอิง:
ทำความเข้าใจพระคัมภีร์, ดร. เดวิด เอช. โซเร็นสัน
เครดิตรูปภาพ:
The Nativity Story (2007)





Users Today : 0
Users Last 30 days : 246
Total Users : 9272